The Host อสูรนรกกลายพันธุ์
ริมตลิ่งแม่น้ำ Han อันเงียบสงบท่ามกลางแสงแดดสุดร้อนผ่าว Gang-du (SONG Kang-ho) ซึ่งงีบหลับกลางวันอยู่ ณ แผงลอยขายอาหารริมแม่น้ำ Han ซึ่งบิดาของเขา (BYUN Hee-bong) เป็นเจ้าของ ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกพ่อจากบุตรสาว Hyun-seo (KO A-sung) ซึ่งเพิ่งเข้าเรียนชั้นมัธยมในปีนี้ให้เกิดอาการกระฟัดกระเฟียดด้วยความอับ อายในโทรศัพท์มือถือรุ่นโบราณที่เก่าจนไม่กล้าเอามาโชว์ต่อหน้าสาธารณชน อีกทั้งวันนี้เป็นวันพบผู้ปกครอง ลุงของเธอ (PARK Hae-il) ซึ่งเป็นคนไปงานยังสร้างความอับอายให้ด้วยการปรากฏกายพร้อมกับกลิ่นเหล้าคละ คลุ้ง หลังจากปล่อยให้เธอหัวเสียอยู่พักหนึ่ง Gang-du จึงให้เธอดูเงินเหรียญที่เขาแอบเก็บอดออมเอาไว้ในกล่องโฟมที่ใช้ใส่ ก๋วยเตี๋ยวเพื่อเธอ หากแต่เธอกลับทำท่าทะเล้นใส่พ่อแล้วหันไปดูการแข่งขันยิงธนูชิงแชมป์แห่ง ชาติที่น้าสาวของเธอเข้าร่วมการแข่งขันแทน ขณะ Gang-du เดินไปตามริมตลิ่งเพื่อส่งปลาหมึกนั้น ฝูงชนคราคร่ำต่างพูดถึงเหตุการณ์อันน่าแปลกประหลาดตื่นตะลึง อะไรบางอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนห้อยโหนตัวลงมาจากสะพานข้ามแม่น้ำ Han และเคลื่อนไหวไปมา ผู้คนที่ตื่นตะลึงเริ่มถ่ายภาพตัวประหลาดนั้นด้วยโทรศัพท์มือถือและกล้อง ดิจิตอล กระทั่งเจ้าสิ่งนั้นเริ่มป่ายปีนไปตามริมตลิ่ง บดขยี้ และกัดกินพวกเขา! บริเวณโดยรอบตลิ่งริมแม่น้ำ Han กลายสภาพเป็นนรกภายในไม่กี่วินาที Gang-du คว้ามือ Hyun-seo แล้ววิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่แล้วเขาก็พลัดหลงกับเธอท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของฝูงชนที่ต่างก็หนีตาย กันอย่างอลหม่าน ความตื่นตระหนกเข้าเกาะกุมเขา แล้วภาพอันชวนหัวใจสลายก็ปรากฏแก่สายตา เจ้าสิ่งมีชีวิตประหลาดจับตัว Hyun-seo และหายไปในแม่น้ำ
ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากตัวประหลาดนั้น ทำให้ต้องมีการปิดล้อมบริเวณเขตแม่น้ำ Han กรุงโซลกลายเป็นอัมพาตไปในทันที เมื่อรัฐบาลประกาศว่าสิ่งมีชีวิตประหลาดนั้นคือร่างอันเกิดจากไวรัสซึ่งไม่ สามารถระบุชนิดได้จึงเหมือนกับราดน้ำมันลงบนกองไฟแห่งความสยดสยอง กองทัพอเมริกันอ้างถึงการพัฒนาอาวุธชีวภาพลับที่รู้จักในนามของ Agent Yellow ว่าเป็นหนทางเดียวในการหยุดยั้งเจ้าสัตว์ประหลาดร้ายและการแพร่กระจายของ ไวรัส Gang-du ผู้ซึ่งถูกปล้นสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตไป ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ชีวิตความเป็นอยู่อันสงบสุข และเหนือสิ่งอื่นใด ลูกสาวของเขา Hyun-seo หากแล้ว Gang-du ผู้ไร้ซึ่งทุกสิ่งก็ได้รับโทรศัพท์จาก Hyun-seo ที่ถึงแม้จะอกสั่นขวัญแขวนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ยังคงมีชีวิตอยู่ ไม่มีความจำเป็นต้องพูดอะไรเพราะคงไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เขาพูด เมื่อเขาวางแผนจะแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามบริเวณแม่น้ำ Han เพื่อช่วยลูกสาวสุดที่รักจากเงื้อมือของสัตว์ร้าย มีเพียงครอบครัวของเขาเท่านั้นที่ยืนอยู่เคียงข้าง - ดีวีดี dvd Host, The อสูรนรกกลายพันธุ์
แม้ว่า ขึ้นเครดิตว่าเป็นหนังที่มีผู้ชมในเกาหลีมากถึงกว่า 12 ล้านคน และเป็นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลของเกาหลี แต่จขบ. เชื่อว่าต้องมีคนไทยหลายคนไม่ปลื้มกับหนังสัตว์ประหลาดเรื่องนี้อยู่พอสมควร แน่ เพราะเรามักคุ้นชินกับหนังสัตว์ประหลาดฟอร์มยักษ์จากโลกฮอลลีวูดซะมากกว่า เช่นเรื่อง Godzilla, Deep Blue Sea หรือ Lake Placid ที่คนดูจะได้มันส์กับการที่สัตว์กลายพันธุ์ออกทำลายล้างมนุษย์ แต่ใน The Host กลับกลายเป็นหนังดราม่า ที่มีสัตว์ประหลาดออกมาเป็นตัวประกอบเท่านั้น
หลังเหตุการณ์ตึกเวิลด์เทรดเมื่อ 11 กันยายน 2001 ถือเป็นชนวนสำคัญที่จุดประกายให้ประชาชนมีความตื่นตัวทางสังคม เพราะเหตุการณ์ ไม่ได้ส่งผลกระทบแต่เพียงในอเมริกาเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสังคมโลกซึ่งมีผลพวงมาเป็นลูกโซ่เช่น เหตุระเบิดที่บาหลี เหตุการณ์วางระเบิดรถไฟที่ลอนดอน หรือความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่รุนเเรงมากขึ้นทุกวันๆ และผลสะท้อนที่ส่งมาถึงยุคหลัง 9/11 นี่เองทำให้ผู้คนเปลี่ยนทัศนคติที่ตนเองมีต่ออเมริกาเสียใหม่ แม้กระทั่งวงการภาพยนตร์เองที่มีความตื่นตัวในเรื่องนี้ เช่นงานกำกับของไมเคิล มัวร์ ที่วิพากษ์อเมริกาอย่างไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมใน Bowling for Columbine และ Fahrenheit 9/11
และหนัง The Host ของผู้กำกับ บอง จุนโฮ ก็เป็นหนังที่กล้าตบหน้าอเมริกาฉาดใหญ่ ที่แม้หน้าหนังจะเป็นหนังสัตว์ประหลาด แต่ที่จริงแล้วเป็นหนังวิพากการเมืองและสังคมชั้นดีที่แสดงทัศนคติต่อ อเมริกาอย่างโจ่งแจ้ง ตัวหนังอิงจากเหตุการณ์จริงที่เกิดในเกาหลีใต้ที่อยู่ใต้อิทธิพลของอเมริกา มาโดยตลอดนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ดังเช่นความเป็นจริงที่มีการปล่อยสาร formaldehyde (หรือ ฟอร์มาลีน ที่ใช้ในการดองศพ) จากทหารอเมริกาลงแม่น้ำของเกาหลีในปี 2000 และจากเหตุการณ์นี้ก็ไม่สามารถจับผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ เพราะกองทัพสหรัฐไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้สร้างความเคืองแค้นให้กับชาวเกาหลีเป็นยิ่งนัก
หนัง เปิดฉากด้วยความเงียบสงบด้วยภาพผู้คนใช้ชีวิตประจำวันอย่างสบายใจอยู่ริมแม่ น้ำฮาน แต่จู่ๆ ก็มีสัตว์ประหลาดโผล่ออกมาจากแม่น้ำแล้วออกไล่จับชาวบ้านมากิน แต่แทนที่รัฐบาลจะหาทางกำจัดสัตว์ประหลาดตัวนี้ กลับยินยอมให้กองทัพจากสหรัฐอเมริกาเข้ามากักบริเวณผู้ที่สัมผัสตัวเจ้า สัตว์ตัวนี้เพราะอเมริกาต้องการได้หน้าจากการวิจัยเจ้าสัตว์ประหลาด
สุด ท้ายคนที่ต้องดิ้นรนต่อสู้คือประชาชนตาดำๆที่ไร้ทางสู้ ดังเช่นครอบครัวของพระเอกที่ตัดสินใจหนีออกจากสถานกักกันโรคเพื่อออกไปช่วย ลูกสาวกันเอง โดยในมือมีเพียงอาวุธจิ๊บจ้อยที่ดูแล้วไม่น่าจะสะกิดผิวของเจ้าสัตว์ประหลาด ได้เลย
สังเกตว่าทั้งเรื่องก็มีแต่ประชาชนตาดำๆที่ต้องต่อกร กับสัตว์ประหลาดตามยถากรรม แล้วไอ้เจ้า ผู้มีอำนาจในรัฐบาลเกาหลี มันหดหัวอยู่ที่ไหน คนดูก็เห็นแต่เจ้าหน้าที่อเมริกัน องค์กรอเมริกัน และกำลังทหารอเมริกันที่เข้ามาเป็น watch dog คอยจัดการเจ้าตัวร้าย เช่นฉากช่วงแรกของหนังที่แดกดันพฤติกรรมแบบฮีโร่ของอเมริกาโดยให้นายทหาร อเมริกันคนนึงเข้าไปสู้กับสัตว์ประหลาดแบบถวายชีวิต ทั้งๆที่คนอื่นวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง ทำให้นึกไปถึงสงครามอิรักที่ชอบโปรโมททหารอเมริกาเข้าไปอุ้มเด็กชาวอิรัก อย่างรักใคร่โดยไม่นึกถึงความเป็นจริงว่าใครล่ะที่เป็นผู้ร้ายทำให้เด็กน้อย พวกนี้เป็นกำพร้า หรือตัวหนังที่ทางการอเมริกันอ้างว่าเจ้าสัตว์ประหลาดอาจจะมีไวรัสร้ายแรง ทำให้ผู้ที่สัมผัสถูกเจ้าสัตว์ร้ายกลายเป็นเหยื่อให้ถูกล่า และกักกัน ซึ่งเป็นการจิกกัดอเมริกันที่บุกเข้าไปอิรักด้วยข้ออ้างที่ว่าอิรักอาจมี อาวุธชีวภาพร้ายแรง แต่สุดท้ายก็ไม่พบอาวุธร้ายตามที่อ้าง สิ่งที่นโยบายอเมริกาทำร้ายคนเกาหลีในหนังไม่ต่างกับสัญญา FTA ที่อเมริกาใช้บีบเกาหลีในตอนนี้ หรือการที่ฐานทัพอเมริกาไม่ยอมย้ายออกไปจากเกาหลี รัฐบาลเกาหลีเองก็ทำอะไรไม่ได้สุดท้ายก็ต้องเป็นประชาชนตัวเล็กๆที่ต้องลุก ขึ้นมาประท้วง หนังเรื่องนี้มันเป็นภาพสะท้อนของเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่ว โลกที่ประชาชนลุกขึ้นมาต่อกรกับผู้มีอำนาจ เช่นการที่ประชาชนเกาหลีใต้รวมกันประท้วง FTA หรือ หรือแม้ในปี 2549 ที่คนในบ้านเราลุกขึ้นมาต่อต้านผู้นำของเราหลังจากที่ปล่อยให้เขาตักตวงผล ประโยชน์ไปหลายปี
อีกฉากที่แดกดันได้อย่างเจ็บปวดคือฉาก ‘ควันเหลือง’ ที่อเมริกาเอามาปล่อยเพื่อฆ่าเชื้อสัตว์ประหลาด แต่สุดท้ายมันก็ฆ่ามนุษย์ด้วยกันเอง อันนี้ผู้กำกับต้องการให้เป็น paradox ถึง ‘ฝนเหลือง’ (Agent Orange) ที่อเมริกาใช้ในสงครามเวียดนามด้วยหรือเปล่า? จขบ. ก็มิอาจทราบได้ แต่การปล่อยฝนเหลืองเพื่อทำลายยุทธวิธีกองโจรของเวียดนามนั้นไม่ได้ทำลาย เพียงทหารเท่านั้น เพราะมีประชาชนตาดำๆอีกหลายคนพัน หลายหมื่นที่ได้รับผลกระทบจนถึงวันนี้ แถมไอ้เจ้าอเมริกันที่ชอบทำตัวเป็นตำรวจโลกนี่แหละที่ไม่ยอมเข้าร่วมประชุม สัมมนาเรื่องผลกระทบของฝนเหลืองที่กรุงฮานอยในปี 2549 ทั้งที่ตัวเองนั่นแหละที่เป็นตัวต้นเหตุ หนังสื่อให้เห็นว่าการปล่อยให้อเมริกาเข้ามามีบทบาทประเทศ โดยที่รัฐบาลนิ่งเฉยดูดาย หรือการทำงานของรัฐบาลที่เน้นการสร้างสถานการณ์ โดยที่ประชาชนผู้เดือดร้อนไม่อาจหวังพึ่งพิงได้เลย มันทำร้ายประชาชนตาดำๆมากขนาดไหน
และในท้ายที่สุด ในหนังมีการออกแถลงการณ์ของผู้มีอำนาจออกทางสื่อโทรทัศน์ถึงสถานการณ์ที่ เกิดขึ้นว่า เป็นแค่ผลจากความผิดพลาดด้านการสื่อสาร นั่นเป็นการปิดหูปิดตาประชาชนเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องตอบคำถามใดๆ หรือเปล่า หรือแท้จริงแล้วเป็นการปกปิดความเลวร้ายของตน?
นักแสดงแต่ละ คนแสดงได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งพระเอกที่เป็นคนไม่เอาไหน ไม่มีความน่าเชื่อว่าจะเป็นพ่อที่ดีเลยสักนิด (ถ้าไม่นับจากการที่เขาพยายามเข้าไปช่วยลูกตัวเองแล้วล่ะก็ ข้อดีที่สุดของเขาคือการที่เขาพยายามเก็บตังค์ชื้อมือถือให้ลูกสาว) พ่อของพระเอกที่เป็นคนแก่ที่มีปรัชญาดำเนินชีวิตของตนเอง (แม้จะขโมยหนวดปลาหมึกเส้นเดียวก็ไม่ได้) พี่ชาย(หรือน้องชายของพระเอกนี่แหละ) ที่เป็นปัญญาชนเสรีแบบสมัยสงครามเวียดนาม ที่มีอิสระ ไม่ทำมาหากิน ขี้เหล้าเมายา แต่ต่อต้านสังคม (Anti-social) และน้องสาวเป็นคนที่เก่งจัดชอบแข่งขัน แต่กลับแพ้ไม่เป็น (ซึ่งสะท้อนการแข่งขันกันของคนในสังคมปัจจุบัน) และลูกสาวของพระเอกที่เป็นตัวแทนของเด็กยุคใหม่ที่คอยแต่พึ่งพาพ่อแม่ ไม่เอาไหน ขี้เกียจ และอยากได้อยากมีในวัตถุอย่างเช่นมือถือเครื่องใหม่รุ่นใหม่ เป็นต้น
และอย่างที่เกริ่นไว้ในช่วงต้นๆแล้วว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังดราม่ามากกว่าที่จะเป็นหนังแอ็กชั่นสัตว์ประหลาด ถ้า หวังดูภาพทำลายตึก พังบ้าน ระเบิดตูมตาม ยิงเลือดกระจาย หรือหวังดูหนังสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ที่มีความสมเหตุสมผลว่ามันกลายพันธุ์ ได้อย่างไรแบบหนังวิทยาศาสตร์ คุณอาจจะผิดหวัง แต่ถ้าจะดูดราม่าดีๆสักเรื่อง เรื่องนี้น่าจะทำให้คุณไม่ผิดหวังเท่าไรนัก
ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากตัวประหลาดนั้น ทำให้ต้องมีการปิดล้อมบริเวณเขตแม่น้ำ Han กรุงโซลกลายเป็นอัมพาตไปในทันที เมื่อรัฐบาลประกาศว่าสิ่งมีชีวิตประหลาดนั้นคือร่างอันเกิดจากไวรัสซึ่งไม่ สามารถระบุชนิดได้จึงเหมือนกับราดน้ำมันลงบนกองไฟแห่งความสยดสยอง กองทัพอเมริกันอ้างถึงการพัฒนาอาวุธชีวภาพลับที่รู้จักในนามของ Agent Yellow ว่าเป็นหนทางเดียวในการหยุดยั้งเจ้าสัตว์ประหลาดร้ายและการแพร่กระจายของ ไวรัส Gang-du ผู้ซึ่งถูกปล้นสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตไป ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ชีวิตความเป็นอยู่อันสงบสุข และเหนือสิ่งอื่นใด ลูกสาวของเขา Hyun-seo หากแล้ว Gang-du ผู้ไร้ซึ่งทุกสิ่งก็ได้รับโทรศัพท์จาก Hyun-seo ที่ถึงแม้จะอกสั่นขวัญแขวนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ยังคงมีชีวิตอยู่ ไม่มีความจำเป็นต้องพูดอะไรเพราะคงไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เขาพูด เมื่อเขาวางแผนจะแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามบริเวณแม่น้ำ Han เพื่อช่วยลูกสาวสุดที่รักจากเงื้อมือของสัตว์ร้าย มีเพียงครอบครัวของเขาเท่านั้นที่ยืนอยู่เคียงข้าง - ดีวีดี dvd Host, The อสูรนรกกลายพันธุ์
แม้ว่า ขึ้นเครดิตว่าเป็นหนังที่มีผู้ชมในเกาหลีมากถึงกว่า 12 ล้านคน และเป็นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลของเกาหลี แต่จขบ. เชื่อว่าต้องมีคนไทยหลายคนไม่ปลื้มกับหนังสัตว์ประหลาดเรื่องนี้อยู่พอสมควร แน่ เพราะเรามักคุ้นชินกับหนังสัตว์ประหลาดฟอร์มยักษ์จากโลกฮอลลีวูดซะมากกว่า เช่นเรื่อง Godzilla, Deep Blue Sea หรือ Lake Placid ที่คนดูจะได้มันส์กับการที่สัตว์กลายพันธุ์ออกทำลายล้างมนุษย์ แต่ใน The Host กลับกลายเป็นหนังดราม่า ที่มีสัตว์ประหลาดออกมาเป็นตัวประกอบเท่านั้น
หลังเหตุการณ์ตึกเวิลด์เทรดเมื่อ 11 กันยายน 2001 ถือเป็นชนวนสำคัญที่จุดประกายให้ประชาชนมีความตื่นตัวทางสังคม เพราะเหตุการณ์ ไม่ได้ส่งผลกระทบแต่เพียงในอเมริกาเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสังคมโลกซึ่งมีผลพวงมาเป็นลูกโซ่เช่น เหตุระเบิดที่บาหลี เหตุการณ์วางระเบิดรถไฟที่ลอนดอน หรือความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่รุนเเรงมากขึ้นทุกวันๆ และผลสะท้อนที่ส่งมาถึงยุคหลัง 9/11 นี่เองทำให้ผู้คนเปลี่ยนทัศนคติที่ตนเองมีต่ออเมริกาเสียใหม่ แม้กระทั่งวงการภาพยนตร์เองที่มีความตื่นตัวในเรื่องนี้ เช่นงานกำกับของไมเคิล มัวร์ ที่วิพากษ์อเมริกาอย่างไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมใน Bowling for Columbine และ Fahrenheit 9/11
และหนัง The Host ของผู้กำกับ บอง จุนโฮ ก็เป็นหนังที่กล้าตบหน้าอเมริกาฉาดใหญ่ ที่แม้หน้าหนังจะเป็นหนังสัตว์ประหลาด แต่ที่จริงแล้วเป็นหนังวิพากการเมืองและสังคมชั้นดีที่แสดงทัศนคติต่อ อเมริกาอย่างโจ่งแจ้ง ตัวหนังอิงจากเหตุการณ์จริงที่เกิดในเกาหลีใต้ที่อยู่ใต้อิทธิพลของอเมริกา มาโดยตลอดนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ดังเช่นความเป็นจริงที่มีการปล่อยสาร formaldehyde (หรือ ฟอร์มาลีน ที่ใช้ในการดองศพ) จากทหารอเมริกาลงแม่น้ำของเกาหลีในปี 2000 และจากเหตุการณ์นี้ก็ไม่สามารถจับผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ เพราะกองทัพสหรัฐไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้สร้างความเคืองแค้นให้กับชาวเกาหลีเป็นยิ่งนัก
หนัง เปิดฉากด้วยความเงียบสงบด้วยภาพผู้คนใช้ชีวิตประจำวันอย่างสบายใจอยู่ริมแม่ น้ำฮาน แต่จู่ๆ ก็มีสัตว์ประหลาดโผล่ออกมาจากแม่น้ำแล้วออกไล่จับชาวบ้านมากิน แต่แทนที่รัฐบาลจะหาทางกำจัดสัตว์ประหลาดตัวนี้ กลับยินยอมให้กองทัพจากสหรัฐอเมริกาเข้ามากักบริเวณผู้ที่สัมผัสตัวเจ้า สัตว์ตัวนี้เพราะอเมริกาต้องการได้หน้าจากการวิจัยเจ้าสัตว์ประหลาด
สุด ท้ายคนที่ต้องดิ้นรนต่อสู้คือประชาชนตาดำๆที่ไร้ทางสู้ ดังเช่นครอบครัวของพระเอกที่ตัดสินใจหนีออกจากสถานกักกันโรคเพื่อออกไปช่วย ลูกสาวกันเอง โดยในมือมีเพียงอาวุธจิ๊บจ้อยที่ดูแล้วไม่น่าจะสะกิดผิวของเจ้าสัตว์ประหลาด ได้เลย
สังเกตว่าทั้งเรื่องก็มีแต่ประชาชนตาดำๆที่ต้องต่อกร กับสัตว์ประหลาดตามยถากรรม แล้วไอ้เจ้า ผู้มีอำนาจในรัฐบาลเกาหลี มันหดหัวอยู่ที่ไหน คนดูก็เห็นแต่เจ้าหน้าที่อเมริกัน องค์กรอเมริกัน และกำลังทหารอเมริกันที่เข้ามาเป็น watch dog คอยจัดการเจ้าตัวร้าย เช่นฉากช่วงแรกของหนังที่แดกดันพฤติกรรมแบบฮีโร่ของอเมริกาโดยให้นายทหาร อเมริกันคนนึงเข้าไปสู้กับสัตว์ประหลาดแบบถวายชีวิต ทั้งๆที่คนอื่นวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง ทำให้นึกไปถึงสงครามอิรักที่ชอบโปรโมททหารอเมริกาเข้าไปอุ้มเด็กชาวอิรัก อย่างรักใคร่โดยไม่นึกถึงความเป็นจริงว่าใครล่ะที่เป็นผู้ร้ายทำให้เด็กน้อย พวกนี้เป็นกำพร้า หรือตัวหนังที่ทางการอเมริกันอ้างว่าเจ้าสัตว์ประหลาดอาจจะมีไวรัสร้ายแรง ทำให้ผู้ที่สัมผัสถูกเจ้าสัตว์ร้ายกลายเป็นเหยื่อให้ถูกล่า และกักกัน ซึ่งเป็นการจิกกัดอเมริกันที่บุกเข้าไปอิรักด้วยข้ออ้างที่ว่าอิรักอาจมี อาวุธชีวภาพร้ายแรง แต่สุดท้ายก็ไม่พบอาวุธร้ายตามที่อ้าง สิ่งที่นโยบายอเมริกาทำร้ายคนเกาหลีในหนังไม่ต่างกับสัญญา FTA ที่อเมริกาใช้บีบเกาหลีในตอนนี้ หรือการที่ฐานทัพอเมริกาไม่ยอมย้ายออกไปจากเกาหลี รัฐบาลเกาหลีเองก็ทำอะไรไม่ได้สุดท้ายก็ต้องเป็นประชาชนตัวเล็กๆที่ต้องลุก ขึ้นมาประท้วง หนังเรื่องนี้มันเป็นภาพสะท้อนของเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่ว โลกที่ประชาชนลุกขึ้นมาต่อกรกับผู้มีอำนาจ เช่นการที่ประชาชนเกาหลีใต้รวมกันประท้วง FTA หรือ หรือแม้ในปี 2549 ที่คนในบ้านเราลุกขึ้นมาต่อต้านผู้นำของเราหลังจากที่ปล่อยให้เขาตักตวงผล ประโยชน์ไปหลายปี
อีกฉากที่แดกดันได้อย่างเจ็บปวดคือฉาก ‘ควันเหลือง’ ที่อเมริกาเอามาปล่อยเพื่อฆ่าเชื้อสัตว์ประหลาด แต่สุดท้ายมันก็ฆ่ามนุษย์ด้วยกันเอง อันนี้ผู้กำกับต้องการให้เป็น paradox ถึง ‘ฝนเหลือง’ (Agent Orange) ที่อเมริกาใช้ในสงครามเวียดนามด้วยหรือเปล่า? จขบ. ก็มิอาจทราบได้ แต่การปล่อยฝนเหลืองเพื่อทำลายยุทธวิธีกองโจรของเวียดนามนั้นไม่ได้ทำลาย เพียงทหารเท่านั้น เพราะมีประชาชนตาดำๆอีกหลายคนพัน หลายหมื่นที่ได้รับผลกระทบจนถึงวันนี้ แถมไอ้เจ้าอเมริกันที่ชอบทำตัวเป็นตำรวจโลกนี่แหละที่ไม่ยอมเข้าร่วมประชุม สัมมนาเรื่องผลกระทบของฝนเหลืองที่กรุงฮานอยในปี 2549 ทั้งที่ตัวเองนั่นแหละที่เป็นตัวต้นเหตุ หนังสื่อให้เห็นว่าการปล่อยให้อเมริกาเข้ามามีบทบาทประเทศ โดยที่รัฐบาลนิ่งเฉยดูดาย หรือการทำงานของรัฐบาลที่เน้นการสร้างสถานการณ์ โดยที่ประชาชนผู้เดือดร้อนไม่อาจหวังพึ่งพิงได้เลย มันทำร้ายประชาชนตาดำๆมากขนาดไหน
และในท้ายที่สุด ในหนังมีการออกแถลงการณ์ของผู้มีอำนาจออกทางสื่อโทรทัศน์ถึงสถานการณ์ที่ เกิดขึ้นว่า เป็นแค่ผลจากความผิดพลาดด้านการสื่อสาร นั่นเป็นการปิดหูปิดตาประชาชนเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องตอบคำถามใดๆ หรือเปล่า หรือแท้จริงแล้วเป็นการปกปิดความเลวร้ายของตน?
นักแสดงแต่ละ คนแสดงได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งพระเอกที่เป็นคนไม่เอาไหน ไม่มีความน่าเชื่อว่าจะเป็นพ่อที่ดีเลยสักนิด (ถ้าไม่นับจากการที่เขาพยายามเข้าไปช่วยลูกตัวเองแล้วล่ะก็ ข้อดีที่สุดของเขาคือการที่เขาพยายามเก็บตังค์ชื้อมือถือให้ลูกสาว) พ่อของพระเอกที่เป็นคนแก่ที่มีปรัชญาดำเนินชีวิตของตนเอง (แม้จะขโมยหนวดปลาหมึกเส้นเดียวก็ไม่ได้) พี่ชาย(หรือน้องชายของพระเอกนี่แหละ) ที่เป็นปัญญาชนเสรีแบบสมัยสงครามเวียดนาม ที่มีอิสระ ไม่ทำมาหากิน ขี้เหล้าเมายา แต่ต่อต้านสังคม (Anti-social) และน้องสาวเป็นคนที่เก่งจัดชอบแข่งขัน แต่กลับแพ้ไม่เป็น (ซึ่งสะท้อนการแข่งขันกันของคนในสังคมปัจจุบัน) และลูกสาวของพระเอกที่เป็นตัวแทนของเด็กยุคใหม่ที่คอยแต่พึ่งพาพ่อแม่ ไม่เอาไหน ขี้เกียจ และอยากได้อยากมีในวัตถุอย่างเช่นมือถือเครื่องใหม่รุ่นใหม่ เป็นต้น
และอย่างที่เกริ่นไว้ในช่วงต้นๆแล้วว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังดราม่ามากกว่าที่จะเป็นหนังแอ็กชั่นสัตว์ประหลาด ถ้า หวังดูภาพทำลายตึก พังบ้าน ระเบิดตูมตาม ยิงเลือดกระจาย หรือหวังดูหนังสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ที่มีความสมเหตุสมผลว่ามันกลายพันธุ์ ได้อย่างไรแบบหนังวิทยาศาสตร์ คุณอาจจะผิดหวัง แต่ถ้าจะดูดราม่าดีๆสักเรื่อง เรื่องนี้น่าจะทำให้คุณไม่ผิดหวังเท่าไรนัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น